วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

       เมื่อพูดถึงคอมพิวเตอร์แล้ว.... ต้องยอมรับว่านั่นคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวัน เพราะคอมพิวเตอร์เป็นศูนย์รวมของข้อมูลขนาดใหญ่มหึมาที่จะหาสิ่งใดมาเทียบได้ ชีวิตของมนุษย์จึงผูกพันกับคอมพิวเตอร์ อยากรู้ข้อมูลอะไรก็สามารถค้นหาได้ อยากส่งข้อมูลอะไรก็สามารถส่งข้อมูลได้ไร้ขีดจำกัดจริงๆ โลกาภิวัตน์ที่พูดๆ กันนั้น ไม่ไกลเกินจากความเป็นจริงเลย... คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศในยุคปัจจุบันทำให้โลกเราแคบลงถนัดตา รับรู้ข้อมูลข่าวสารกันทันทีทันใดและพร้อมกันทั่วโลกโลกาภิวัตน์ จึงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครอง และทุกๆสิ่งที่มีและคงอยู่ ในโลกใบนี้อย่างทั่วถึง เราสามารถชมการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลกพร้อมกับผู้ชมที่อยู่ในสนามแข่งขัน... เราสามารถซื้อหนังสือแฮรีพอตเตอร์ในวันเดียวกันทั่วโลก... เราสามารถรับประทานไก่รสชาตินี้ได้ทั่วทุก มุมโลก เป็นต้น นั่นแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับไวที่เกิดขึ้นกับชีวิตของมนุษย์เรา โดยสรุป คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ของพวกเราเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำงาน ด้านการบันเทิง หรือด้านการอำนวยความสะดวกต่างๆ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ มีประโยชน์ต่อเรามหาศาล.......แต่ในทางตรงข้ามก็มีโทษอย่างมหันต์เช่นกันหากนำไปใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร ดังตัวอย่างที่เราได้เห็นกันบ่อยๆ ทางหน้าหนังสือพิมพ์หรือทางสื่อต่างๆ เช่นเมื่อเร็วๆ นี้มีข่าว สาวตุ้ยนุ้ยน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม หลอกค้ากามทางอินเตอร์เน็ต ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ข่าวสามเณรล่อลวงเด็กนักเรียนด้วยวิธีการแช็ททางอินเตอร์เน็ตแล้วพาไปข่มขืนในกุฏิ เป็นต้น


ผู้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต
       ในฐานะบุคคลธรรมดาไม่ควรกระทําในสิงต่อไปนี้ เพราะอาจจะทําให้ “เกิดการกระทําความผิด" ตาม พรบ.นี้
       1. ไม่ควรบอก password แก่ผู้อืน
       2. อย่าให้ผู้อืนยืมใช้เครืองคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เคลือนที่เพือเข้าเน็ต
       3.อย่าติดตังระบบเครือข่ายไร้สายในบ้านหรือทีทํางานโดยไม่ใช้มาตรการการตรวจสอบผู้ใช้งานและการเข้ารหัสลับ
       4.อย่าเข้าสู่ระบบด้วยuser ID และ passwordทีไม่ใช่ของท่านเอง
       5.อย่านํา user ID และ password ของผู้อืนไปใช้งานหรือเผยแพร่
       6.อย่าส่งต่อซึงภาพหรือข้อความหรือภาพเคลือนไหวทีผิดกฎหมาย
       7.อย่า กด "remember me"หรือ "remember password"ทีเครืองคอมพิวเตอร์สาธารณะและอย่า log-in เพือทําธุรกรรมทางการเงินทีเครืองสาธารณะ
       8.อย่าใช้ WiFi (Wireless LAN)ทีเปิดให้ใช้ฟรีโดยปราศจากการเข้ารหัสลับข้อมูล

       เพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงได้มี พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2550 ซึ่งเราที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานควรที่จะได้ศึกษา ทำความเข้าใจ เพื่อมิให้เกิดการพลาดพลั้งกระทำความผิด ซึ่งหากมีการพลาดพลั้งไปไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ แล้วจะมาอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ และผลของการกระทำท่านอาจจะต้องรับโทษถึงจำคุกได้



       1) เจ้าของไม่ให้เข้าระบบคอมพิวเตอร์ของเขา แล้วเราแอบเข้าไป  จำคุก 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ
      2) ไปรู้วิธีการเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นแล้วไปยังไปบอกให้คนอื่นรู้ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ
      3)แอบไปเจาะข้อมูลของผู้อืนทีเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์จําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่น หรือทังจําทังปรับ 
      4) ไปดักจับข้อมูลของคนอืน (เป็นข้อมูลส่วนตัวมิใช่มีไว้เพื่อสาธารณะ) จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ
      5) แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ของคนอื่น จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ
      6) ส่ง packet หรือ message หรือ virus หรือ trojan หรือ worm หรืออะไรต่างๆ เข้าไปก่อกวนจนระบบของคนอื่นจนเสียหาย จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ
      7) ส่งข้อมูลหรืออีเมล์ ให้ผู้อืนซ้าๆ โดยผู้รับไม่ได้ร้องขอ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
      8) ถ้าเราทำผิดข้อ 5) กับ ข้อ 6)  แล้วมันสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงปลอดภัยประเทศ สูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมาก จําคุกตังแต่ 3-5 ปี และปรับตังแต่ 6 หมื่น - 3 แสน และถ้าทําให้ใครตายก็จะเพิมโทษเป็น  จําคุกตังแต่ 10 ปี ถึง 20 ปี
      9) ถ้าเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์เพือทําให้ทําความผิดในหลายข้อข้างต้น  จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ
     10) สร้างภาพโป๊ เรื่องเท็จ ทําการปลอมแปลง กระทําการใดๆที่กระทบความมั่นคง ก่อการร้าย และส่งต่อข้อมูลทั้งๆทีรู้ว่าผิดตามทีกล่าวมาข้างต้น จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ
      11) เจ้าของเว็บ แล้วยอมให้คนอื่นทำตามข้อ 10)  จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ
      12) เอารูปผู้อื่นมาตัดต่อแล้วเอาไปเผยแพร่ในระบบคอมพิวเตอร์  จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ

       พระราชบัญญัตินี้ จะมีผลกระทบกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ตโดยทั่วไปเพราะหากท่านทําให้เกิดการกระทําความผิดทางคอมพิวเตอร์ (ไม่ว่าจะบังเอิญหรือตังใจ) ก็อาจจะมีผลกับท่าน และที่สําคัญ คือผู้ให้บริการซึ่งรวมไปถึงหน่วยงานต่างๆทีเปิดบริการอินเทอร์เน็ตให้แก่ผู้อื่นหรือกลุ่มพนักงาน นิสิต นักศึกษาในองค์กรผู้รับผิดชอบมีหน้าที่ดูแลอย่างรอบคอบในฐานะ "ผู้ให้บริการ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น